top of page
  • Writer's pictureMook

ซินนาม่อนฟัดจ์บราวนี่ l Festive Fudge Brownie

สวัสดีค่ะทุกคน คราวนี้กลับมาอย่างว่องไว ไม่ทิ้งไว้เป็นเดือนเหมือนแต่ก่อนแล้วว อาจจะเพราะช่วงนี้ตั้งครรภ์อยู่ เวลาว่าง ความอยากขนม อยากลองนู่นนี่นั่นมันเพิ่มขึ้นทวีคูณค่ะ เผื่อหลายๆคนยังไม่ทราบ ตอนนี้มุกตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนกว่าแล้ว โชคดีมากที่ไม่แพ้เลยค่ะ นั่นก็หมายความว่า กินได้ทุกอย่างงงง น้ำหนักที่ขึ้นมา หลายๆคนถ้าลงคลาสออนไลน์แครอทอาจจะเห็นบ้างแล้ว 5555 แต่ไม่เป็นไรค่ะ กินเพื่อลูกๆๆ ท่องไว้ๆ


รอบนี้มาแปลกนิดนึงค่ะ จริงๆไม่ได้ลองทำสูตรบราวนี่อื่นๆนอกจากที่ทำขาย และสอนอยู่มานานมากๆแล้ว ด้วยความที่พอปรับสูตรนั้นได้ปุ๊บ เราก็อยากจะทำให้มันดีขึ้นไปอีก และทำให้สูตรนิ่งด้วย


ทำให้สูตรนิ่งคือยังไงนะ?

การทำให้สูตรนิ่งสำหรับมุกคือ เป็นสูตรที่สามารถสอนต่อได้ และเราสามารถจับจุด แก้ไขปัญหาได้ว่า ถ้าสมมตินักเรียนทำพลาด แล้วส่งรูปถามเข้ามา เราต้องสามารถแก้ไขปัญหาให้เขาได้ รู้ว่าเพราะอะไรและควรทำอย่างไรถึงจะแก้ไขสถานการณ์ได้ค่ะ ฉะนั้นกว่าจะได้สูตรขนมสูตรนึงขึ้นมามันใช้เวลาค่อนข้างนาน ถ้าถามมุกนะ เพราะยิ่งถ้าเราฝึก ทำบ่อยๆ เราก็จะเก่งขึ้นด้วยค่ะ การสอนก็เป็นอีกวิธีนึงที่ทำให้เราคล่อง ชำนาญขึ้นด้วย!


ที่มาที่ไปของสูตร Cinnamon Brownie นี้

จริงๆไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนเลยค่ะกับบราวนี่สูตรนี้ แค่เหมือนว่า วันนั้นตื่นขึ้นมา รู้สึกอยากเขียน Blog แต่ๆจะเขียนอะไรดีนะ? เลยคิดว่า เอ ใน website ยังไม่มีสูตรบราวนี่เลย แต่ลงสูตรที่ขายก็ไม่ใช่ เพราะเราก็สอนด้วย ไม่แฟร์ เลยคิดขึ้นมามั่วๆเลยค่ะ ว่าอยากทำบราวนี่ใส่ซินนาม่อน ด้วยความที่ 1. ชอบซินนาม่อน 2. ใกล้คริสมาสต์ละ 3. เห็นฝรั่งทำกันเยอะค่ะ เป็นแนวๆ spicy brownie จริงๆก็งงๆกับคอนเซ็ปต์นะคะ ว่ามันจะอร่อยหรอ เลยเอาน่ะ ถ้าไม่อร่อยก็ยังไม่ต้องลง แบ่งๆน้องในครัวกิน ถ้าอร่อยก็แชร์ได้เลย!


จุดเด่นของสูตรนี้

  1. ทำง่าย เกือบจะเป็น one bowl wonder คือผสมทุกอย่างในหม้อเดียว

  2. รสชาติบราวนี่ถ้าชิมวันแรกจะยังไม่นัว รสชาติจะอร่อยขึ้นวันถัดๆไป

  3. คนที่ไม่ชอบซินนาม่อนไม่ต้องกลัวค่ะ ไม่จัดจ้านขนาดแนวเค้กแครอท หรือพวก Apple Pie แต่พอทาน จะได้ความรู้สึกว่าบราวนี่ตัวนี้มันใส่อะไรนะ? นึกยังไงก็นึกไม่ออก

**ถ้าใครอยากลองทำ อยากให้ทำใจเปิดกว้างรับซินนาม่อนเข้าไปด้วยนะคะ มันแปลก แต่มันโอเคค่ะ ทดลองแล้วว**


เกริ่นมาเนิ่นนาน เริ่มทำกันเลยดีกว่านะ !


สูตร Cinnamon Brownie


ส่วนที่ต้องตุ๋น

160 กรัม ดาร์คช็อคโกแลต (มุกใช้ผสมระหว่าง 70% และ 55% มุกใช้ Cacao Barry)

160 กรัม เนยจืด มุกใช้ Elle & Vire (ถ้าชอบเนยเค็ม ใช้เนยเค็มได้ค่ะ)


ส่วนของแห้ง

75 กรัม แป้งสาลีเอนกประสงค์ (ไม่ต้องร่อนได้)

25 กรัม ผงโกโก้ (ร่อน และผสมกับแป้งไว้

1/2 ช้อนชา เกลือ (ถ้าใช้เนยเค็ม ลดลงได้ค่ะ ปรับตามความชอบ)

1/2 ช้อนชา ผงซินนาม่อน >> ถ้าไม่ชอบ ไม่ใส่ได้ค่ะ จะเป็นบราวนี่ธรรมดา

ไข่ไก่เบอร์ 1 อุณหภูมิห้อง 2 ฟอง

160 กรัม น้ำตาลทรายละเอียด (สำหรับเบเกอรี่ จะผสมง่ายกว่า)

1/2 ช้อนชา กลิ่นวานิลา

1/4 ช้อนชา ผงฟู (ให้เนื้อสัมผัสเหมือนเค้กช็อคนิดๆ ถ้าไม่ชอบ ไม่ใส่ได้)

2 ช้อนชา น้ำกาแฟเข้มข้น (ผสมเนสกาแฟผง 1 ช้อนชากับน้ำร้อนเล็กน้อยพอข้นๆ)


ส่วนโรยหน้า (ถ้าชอบ)

มุกใส่ถั่วพีแคน แมคคาเดเมีย และเฮเซลนัทค่ะ สับหยาบ

*ถ้าอยากใส่เข้าไปในเนื้อขนม ให้อบก่อนที่ไฟ 150 องศา ประมาณ 8 นาทีพอหอม


วิธีทำ

  1. เปิดเตาอบไปที่ไฟบนล่าง ไม่พัดลม 170 องศาเซลเซียส เตรียมถาดอบ มุกใช้ขนาด 8x8 นิ้ว ปูกระดาษไขเตรียมไว้ สับถั่วเตรียมไว้ได้เลย


2. ตั้งเตาตุ๋นดาร์คช็อคโกแลต และเนยค่ะ มุกจะชอบใช้ไฟไม่แรงมาก ไม่ต้องเดือดปุด เราไม่ต้องการให้ช็อคร้อนจนเกินไป ถ้าใครไม่มีเตาตุ๋น ใช้ไมโครเวฟได้ค่ะ ไฟกลาง และเวฟทุก 1 นาทีแล้วเอาออกมาคนให้ละลายเข้ากัน



ลักษณะจะเหลวๆเหมือนในรูปด้านบนค่ะ

3. ผสมของแห้งเข้าด้วยกัน ร่อนโกโก้ใส่ลงไปในแป้ง ตามด้วยผงฟู เกลือ และซินนาม่อนค่ะ คนให้ส่วนผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ดมๆกลิ่นดูว่าได้กลิ่นซินนาม่อนไหม


4. เมื่อเราเตรียมส่วนผสมครบแล้ว (เช็คอีกทีก่อนเริ่มทำนะคะ) มีส่วนของแห้ง// ส่วนช็อคและเนยละลาย //ส่วนท็อปปิ้ง จากนั้นในชามผสมอีกอัน เราจะตีน้ำตาล ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลาเข้าด้วยกันด้วยตะกร้อมือ ไม่ต้องถึงกะขึ้นฟูเบานะคะ ตีพอเข้ากัน ให้น้ำตาลละลายบางส่วน ก็พอค่ะ

5. จากนั้นเทส่วนช็อคโกแลตและเนยละลายลงไปในส่วนของไข่ค่ะ ตอนนี้คนแรงๆให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน ลักษณะจะข้นๆหน่อย




6. จากนั้นทยอยใส่ของแห้ง แบ่งเป็น 3 ส่วนได้ค่ะ เอาที่คนสะดวก คนจนไม่เห็นเศษแป้งให้เข้ากันดี



7. พอส่วนผสมเป็นเหมือนในรูปด้านบนแล้ว มุกใส่น้ำกาแฟค่ะ เพื่อปรับรส ตอนนี้เราชิมได้ว่าหวานไปมั้ย ถ้าหวานไป เติมน้ำกาแฟและเกลือเพิ่มได้ค่ะ แต่ถ้าถามถึงความซินนาม่อน มันยังไม่มาค่ะ จุดนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม แต่พออบและทิ้งไว้ ดันมีความซินนาม่อนขึ้นมาซะงั้น :)


8. พออบเสร็จแล้ว ทิ้งไว้ให้เย็นสนิทก่อนตัดแบ่งนะคะ การตัดบราวนี่ตอนร้อนเป็นอะไรที่พังมากจ้าบอกเลย บางคนก็ชอบเอาไปแช่เย็นจัด แล้วค่อยมาตัด จะตัดง่ายกว่าค่ะ


เสร็จแล้วค่าาา ~ หน้าไม่ฟิล์ม แต่ไม่ด้านจนไม่อร่อยนะคะ เนื้อสัมผัสโอเค แต่อาจจะต่างกับแบบที่ส่วนตัวทำขายอยู่ ยิ่งแช่เย็นจะมีความหนึบขึ้นค่ะ ถ้าใครชอบแบบหนึบ


ลองทำกันดูนะคะ :)

1,688 views0 comments

Comments


bottom of page